มัดรวมเรื่องแปลก ที่เราอาจไม่เคยเห็นมาก่อน

บนโลกของเรานั้นเต็มไปด้วยเรื่องแปลก ๆ ที่เราอาจไม่เคยเห็นพบเห็นอยู่มากมาย อีกทั้งในแต่ละวันก็มีเรื่องใหม่ ๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ แต่โชคดีที่ทุกวันนี้เรามีอินเตอร์เน็ตใช้ จึงทำให้เราสามารถค้นหา และศึกษาในสิ่งที่เราสนใจได้ง่ายขึ้น อย่างเช่นเรื่องต่าง ๆ ที่เรามัดรวมนำมาเสนอให้ทุกท่านได้ชมกันในวันนี้ ซึ่งจะมีเรื่องที่น่าทึ่งอะไรบ้างนั้น ถ้าพร้อมแล้วไปรับชมกันได้เลย

1. นกพิราบนิโคบาร์

ที่คุณเห็นอยู่ตอนนี้ คือ นกพิราบนิโคบาร์ (Nicobar Pigeon) หรือในไทยเรียกว่า นกชาปีไหน หรือ นกกะดง ซึ่งสามารถพบเจอได้บริเวณชายฝั่ง ตั้งแต่หมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ ของประเทศอินเดีย ไปจนถึงหมู่เกาะโซโลแมน และหมู่ปาเลา ซึ่งในประเทศก็มีอยู่บ้างตามหมู่เกาะต่าง ๆ ของภาคใต้ นะครับ

ถือได้ว่าเป็นนกพิราบที่ขนาดใหญ่ และมีความยาวได้ถึง 40 เซนติเมตรเลยทีเดียว ส่วนหัวจะมีสีเทา ที่แผงคอก็มีสีเทาผสมเขียวส่วนปลาย ขนด้านหลังเป็นสีเขียวเมทัลลิก ขาและเท้าจะเป็นสีแดงหม่น โดยที่ตัวเมียจะมีขนาดเล็กกว่า และตัวผู้ก็จะมีสีสันสวยงามเพื่อไว้ดึงดูดตัวเมีย พวกมันมักจะเดินหากินตามพื้น

นกพิราบนิโคบาร์มักจะอยู่รวมกันเป็นฝูงซึ่งจะบินจากเกาะหนึ่งไปอีกเกาะหนึ่ง มักจะนอนอยู่บนเกาะเล็กเกาะน้อยนอกชายฝั่งที่ไม่มีผู้ล่าเกิดขึ้นอาหารที่กินจะประกอบด้วยเมล็ดพืช ผลไม้ และมีหินกึ๋นที่ใช้บดอาหาร พวกมันสามารถบินได้ค่อนข้างเร็ว ตามลักษณะเฉพาะของนกพิราบทั่วไป

นกพิราบนิโคบาร์ถูกล่าเป็นจำนวนมากเพื่อเป็นอาหารและหินกึ๋น ที่เอาไปทำเป็นเครื่องประดับ โดยมีอยู่ในตลาดสัตว์เลี้ยงในท้องถิ่นของแต่ละเกาะ แต่เนื่องจากการค้าดังกล่าวมักผิดกฎหมายในระดับสากลและในประเทศไทยเองก็ถูกจัดให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ 2535 ด้วย ถึงแม้ว่าจะสามารถเพาะขยายพันธุ์ได้แล้วในไทย เมื่อปี พ.ศ. 2538 แต่ยังไงก็จำเป็นที่จะต้องดูแลและคุ้มครองเพื่อให้พวกมันมีชีวิตรอดและไม่สูญพันธุ์ไปจากโลกนี้อยู่ดี

2. ขลุ่ย ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

นี่คือขลุ่ยนีแอนเดอร์ทัล (Neanderthal Flute) ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่เคยพบมา ที่มีอายุกว่า 60,000 ปี ที่สภาพยังคงเดิมที่ทำจากกระดูกต้นขาซ้ายของหมี มีความยาว 11.4 เซนติเมตร และเจาะรูเอาไว้ 4 รู ถือเป็นสมบัติล้ำค่าที่มีความสำคัญระดับโลกอีกชิ้นหนึ่ง

มันถูกค้นพบในถ้ำเดเวียเบบี้ (Divje babe) ใกล้เมืองแชร์กโน (Cerkno) ในสโลวีเนีย เมื่อปี ค.ศ. 1995 และได้รับการยืนยันโดยผู้เชี่ยวชาญว่ามนุษย์นีแอนเดอร์ทัลเป็นคนสร้างมันขึ้นมา

การทดลองทางดนตรียืนยันผลการวิจัยทางโบราณคดีว่าขนาดและตำแหน่งของรูไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ พวกมันถูกสร้างขึ้นด้วยความตั้งใจที่จะใช้เล่นดนตรี

โดยสภาพของขลุ่ยที่พบ จะมีการเจาะรู 4 รู ซึ่งมี 2 รูตรงกลางที่ได้ถูกรักษาเป็นอย่างดี ส่วนอีก 2 รูหัวท้ายก็ชุดตามสภาพ ซึ่งถูกค้นพบในถ้ำหมีใกล้กับเตาไฟ ซึ่งในชั้นดินที่ทับถมกัน เมื่อประมาณห้าถึงหกหมื่นปีที่แล้ว นอกจากนั้นในบริเวณดังกล่าวค้นพบเครื่องมือหินของมนุษย์ยุคหิน และเชื่อว่าน่าจะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการสร้างขลุ่ยชิ้นนี้ขึ้นมาด้วย ส่วนใครที่อยากได้ยินเสียงที่เป่าจากขลุ่ยนี้เราจะแนบลิ้งไว้ที่คอมเม้นต์ด้านล่างนะครับ

3. ยีราฟไม่มีลาย (Spotless Giraffe)

สัตว์อะไรเอ่ย คอยาวมีลายจุด ปิ๋งป่อง! มันก็คือยีราฟนั้นเอง แล้วคุณเคยเห็นยีราฟที่คอยาวแต่ไม่มีลายหรือเปล่า? มันเป็นยีราฟที่หาดูได้ยากมาก ๆ เพราะจุดหรือลายของยีราฟมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการอยู่รอดของสัตว์ชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในป่า ซึ่งจุดสีเหล่านี้จะช่วยอำพรางให้มันรอดจากสัตว์นักล่าได้

แต่เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 2023 ได้มีลูกยีราฟไร้จุด ไร้ลวดลาย ที่ถือกำเนิดขึ้นในสวนสัตว์ไบรท์ส (Brights Zoo) ในเมืองไลม์สโตน รัฐเทนเนสซี (Tennessee) ประเทศสหรัฐอเมริกา จนถูกเรียกว่า “ ยีราฟสีน้ำตาล ” นอกจากนั้นยังเชื่อว่านี้เป็นยีราฟลายตาสีทึบเพียงตัวเดียวในโลก (Giraffa reticulata) อีกด้วย

แม้จะอายุเพียงไม่กี่สัปดาห์ แต่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมคอยาวตัวนี้ก็มีความสูงถึง 1.8 เมตร แล้วนะครับ แต่ด้วยการที่ไม่ลวดลายจนดูแปลกนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องนะ

เพราะตามที่มูลนิธิอนุรักษ์ยีราฟ ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า จุดหรือลวดลายบนตัวของยีราฟนั้นนอกจากจะช่วยพรางตัวแล้ว ในแต่ละจุดก็จะมีเครือข่ายหลอดเลือดที่ซับซ้อน ซึ่งแตกแขนงออกเป็นหลอดเลือดขนาดเล็กที่ช่วยระบายความร้อนในร่างกายของยีราฟ ดังนั้นลูกยีราฟที่ไร้ลวดลายในปัจจุบันอาจจะมีความเสี่ยงที่จะร้อนเกินไป จนทำส่งผลกระทบกับการอยู่รอดของมันก็ได้

4. นมแมลงสาบ (Cockroach Milk)

นมเป็นอาหารชนิดแรกที่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมแบบเราได้ดื่มกิน และเราทุกคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับนมทางเลือกไม่ว่าจะเป็น นมแพะ นมข้าวโอ๊ต นมอัลมอนด์ แต่ก็มีนมบางอย่างที่เราแทบจะนึกไม่ถึงว่าจะมี นั่นก็คือ “ นมแมลงสาบ ”

ที่เรากำลังพูดถึงนี้มันคือ นมที่เป็นผลึกโปรตีนสูง ที่ผลิตจาก แมลงสาบด้วงแปซิฟิก (Pacific Beetle Cockroach) ซึ่งแมลงสาบชนิดนี้มีลักษณะเป็นตัวอ่อนที่ฟักออกจากไข่ในขณะที่ยังอยู่ในตัวแม่ ขณะที่อยู่ในครรภ์ พวกมันจะถูกป้อนด้วยนม นมของแมลงสาบด้วงแปซิฟิกจะไม่เหมือนกับนมทั่วไป แต่จะมีโครงสร้างผลึก โดยมันถูกผลิตในไส้กลางของแมลงสาบ นมแมลงสาบที่เป็นผลึกนี้จะถูกเก็บไว้ในลำไส้ของตัวอ่อนในขณะที่พวกมันพัฒนาและเติบโต

นับตั้งแต่มีการค้นพบครั้งแรก นมแมลงสาบได้รับการกล่าวขานถึงคุณค่าทางโภชนาการของมัน จากการศึกษาพบว่ามีพลังงานมากกว่านมโคถึง 3 เท่า

นมแมลงสาบมีโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรตสูง เป็นหนึ่งในทางเลือกของนมเพียงชนิดเดียวที่มีกรดอะมิโนครบทั้ง 9 ชนิด แต่ด้วยคุณค่าทางโภชนาการทั้งหมดนี้ทำให้มีปริมาณแคลอรี่สูงด้วย โดยเชื่อว่ามีแคลอรีมากกว่านมวัวประมาณ 3 เท่า

มาถึงตรงนี้ก็เพิ่งคลื่นไส้นะครับ เพราะมันยังเป็นเพียงแค่การศึกษาเท่านั้น อีกทั้งมันแมลงสาบมันมีไม่หัวนมเหมือนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมได้ดังนั้น วิธีจะได้นมมันคือต้องฆ่าเท่านั้น สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามทางจริยธรรมบางอย่างเกี่ยวกับความสมเหตุสมผลของการฆ่าสิ่งมีชีวิตจำนวนมากเพื่อรับรางวัลเล็กน้อยเท่านั้น

5. ข้าวโพดอัญมณีแก้ว 

ที่คุณเห็นอยู่ตอนนี้คือ “ข้าวโพดอัญมณีแก้ว” (Glass Gem Corn) จะเรียกว่าเป็นข้าวโพดสายพันธุ์ที่สวยที่สุดในโลกก็คงไม่ผิด เพราะที่ไม่ว่าใครได้เห็นก็เป็นต้องทึ่งกับความงดงามราวกับอัญมณีของมัน จนนึกว่าเป็นข้าวโพดปลอมที่ทำขึ้นจากแก้วหลากสี จนได้รับชื่ออีกอย่างหนึ่งว่าเป็น “ข้าวโพดสายรุ้ง” เลยทีเดียว แต่เชื่อหรือไม่ว่าข้าวโพดอัญมณีแก้วเหล่านี้เป็นข้าวโพดจริง ๆ แถมยังนำมาทานได้จริง ๆ ด้วย

สำหรับต้นกำเนิดของ “ข้าวโพดอัญมณีแก้ว” นั้นเริ่มขึ้นเมื่อ นายคาร์ล บาร์นส์ เกษตรกรชาวเชอโรคี ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองอเมริกัน จากรัฐโอคลาโฮมา สหรัฐฯ เริ่มสังเกตเห็นว่าบางครั้งข้าวโพดในไร่ของเขาจะมีสีของเมล็ดที่ดูต่างไปจากปกติ

เขาจึงได้เริ่มอุทิศชีวิตเพื่อการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวโพดขึ้น จนในที่สุดเขาก็ประสบความสำเร็จและสามารถเพาะพันธุ์ ข้าวโพดอัญมณีแก้ว ที่ไม่ว่าใครได้เห็นเป็นต้องชื่นชมในความงดงามราวกับงานศิลป์มากกว่าจะเป็นเพียงธัญพืชเท่านั้น ส่วนในเมืองไทยมีปลูกหรือไม่นั้น ถ้าเพื่อน ๆ ท่านใดเคยเห็นก็ช่วยบอกเราหน่อยนะครับ

6. คอนโดหลบภัย

เวลาที่เกิดสงครามหรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ หลุมหลบภัยดูเหมือนจะเป็นพื้นที่เอาตัวรอดที่ดีที่สุด จึงมีคนนำแนวคิดนี้มาประยุกต์และสร้างที่อยู่อาศัยที่ไม่เพียงแต่อยู่ได้แต่ต้องสะดวกสบายและเต็มไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครันอีกด้วย

และนี่คือคอนโดหลบภัย (Survival Condo) หรืออีกชื่อคือแอตลาส มิสไซล์ไซโล (Atlas Missile Silo) ซึ่งเป็นอดีตฐานยิงจรวดมิสไซล์ของสหรัฐอเมริกาในสมัยสงครามเย็น ที่ถูกรีโนเวทใหม่ให้กลายเป็นบังเกอร์หลบภัยที่น่าทึ่ง โดยเรียกสั้นๆว่า “ ไซโล ”

ซึ่งฐานลับแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1960 ตั้งอยู่บนทุ่งกว้างทางตอนเหนือของเมืองวิชิตา รัฐแคนซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ดูภายนอกคุณอาจไม่รู้ว่าที่นี่คืออะไรเสียด้วยซ้ำ

โดยภายในจะมีทั้งหมด 15 ชั้น สามารถรองรับผู้อยู่อาศัยได้ 75 คนหรือประมาณ 12 ครัว โดยแบ่งออกห้องพักออกเป็น 3 แบบทีมั้ง ครึ่งชั้น เต็มชั้น และแบบเพนต์เฮาส์ มีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบเต็มสูบ ทั้งสนามกีฬา โรงหนัง ห้องสมุด และห้องปฐมพยาบาลเป็นต้น

โดยที่พักแต่ละยูนิตจะได้รับอาหารเพื่อการเอาตัวรอดแบบแห้งที่สามารถอยู่ได้เป็นเวลา 5 ปีต่อคน เป็นอาหารคุณภาพสูงที่มีอายุการเก็บรักษานานกว่า 20 ปี และจัดเก็บในภาชนะพิเศษที่ปราศจากออกซิเจน

ส่วนราคาก็เริ่มตั้งแต่ 57 ล้านไปจนถึง 150 ล้านบาท แอดว่าจะจองสักห้องแต่มันดันเต็มไปเสียน่าเสียดายจริง ๆ

7. นักกระโดดแห่งทะเลทราย

ที่คุณเห็นอยู่ตอนนี้คือ หนูเจอร์บัว (Jerboa) เป็นกลุ่มสัตว์ฟันแทะที่ดูเหมือนจิงโจ้ตัวเล็ก ซึ่งปรับตัวให้เข้ากับการใช้ชีวิตในทะเลทรายทั้งร้อนและเย็น พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดูแปลกตา

โดยที่หัวและลำตัวมีลักษณะคล้ายกับหนูและมีความยาวตั้งแต่ 3 – 15 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ มีหางที่เอาไว้สำหรับช่วยทรงตัวเวลาที่เคลื่อนที่และพยุงเมื่อนั่งตัวตรง อีกทั้งยังมีขาที่ยาวกว่าแขนหลายเท่าอีกด้วย

ซึ่งปกติมันจะจะกระโดดได้ที่ระยะประมาณ 10 – 13 เซนติเมตร ของแต่ละก้าว แต่ถ้ามันถูกคุกคามพวกมันก็สามารถกระโดดได้ถึง 3 เมตร ทำให้สามารถมีความเร็วสูงสุดถึง 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อพวกมันถูกไล่ล่า

โดยที่พวกมันจะหนีในรูปแบบซิกแซกเพื่อทำให้นักล่าสับสน เพราะมันถือได้ว่าเป็นที่ต้องการของนักล่าในทะเลทราย โดยเฉพาะสุนัขจิ้งจอก นกฮูก และงู ถ้าไม่มีเทคนิคหนีก็คงไม่รอด

นอกจากนั้น พวกมันยังเป็นยอดนักขุดที่รวดเร็ว โดยพวกมันจะใช้ท่อนแขนสั้นขุดดิน จากนั้นใช้ขาหลังอันทรงพลังดันดินออกไปด้านหลัง พวกมันจะมีรอยพับของผิวหนังเพื่อป้องกันทรายจะเข้าไปในจมูกและมีขนในหูก็ช่วยป้องกันไม่ให้ทรายเข้าไปอีกด้วย

8. กิ้งก่าเล็กที่สุดในโลก

นี่คือกิ้งก่าบรู๊คเซียนานา (Brookesia Nana) ซึ่งเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก ที่ค้นพบโดยทีมงานระหว่างประเทศซึ่งนำโดยคอลเลกชันสัตววิทยาของรัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี โดยค้นพบทางตอนเหนือของ มาดากัสการ์ (Madagascar)

โดยตัวผู้ที่โตเต็มวัยของสายพันธุ์ใหม่นี้มีขนาดลำตัวเพียง 13.5 มิลลิเมตร แต่ถ้ารวมหางด้วยก็ยาวประมาณ 22 มิลลิเมตร ทำให้พวกมันเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกที่ถูกบันทึกโดยกินเนสส์บุ๊กเวิลด์เรคคอร์ด (Guinness World Records)

โดยที่ กิ้งก่าบรู๊คเซีย นานา ตัวผู้จะมีขนาดตัวที่เล็กกว่าตัวเมีย ซึ่งตัวเมียนั้นจะมีขนาดใหญ่กว่าที่ความยาวลำตัว 19 มิลลิเมตร แต่ถ้ารวมหางด้วยก็ยาว 29 มิลลิเมตร

แต่ถึงแม้ว่าตัวมันจะเล็ก แต่ก็มีอวัยวะเพศที่ใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวของมัน เพราะเนื่องจากมันตัวเล็กกว่าตัวเมียไม่อย่างนั้นก็คงผสมพันธุ์กันไม่ได้นั่นเองครับ

ที่มา : โอ้โหจริงดิ