จากจุดเริ่มต้นการแหกกฏเล็กๆ แค่เรื่องทรงผม ทำให้อนาคตของเด็กคนหนึ่งเปลี่ยนไปตลอดกาล!!

ในตอนเด็กๆผมเชื่อหลายคนคงมีความคิดแหกกฏหลายๆอย่างที่แตกต่างกันไป ต่างคนต่างความคิดเนาะ เรื่องการเอาซื้อเข้าในกาง ของนักเรียนไทย เรื่องทรงผมเนี้ยหนักเลย นักเรียนไทยส่วนใหญ่มักไม่เห็นด้วยกับการ ต้องตัดผมตามระเบียบของโรงเรียนซึ่งเป็นที่กฏหมายระเบียบที่เราเองก้มหน้า และทำตามกันช้านาน เพียงเพราะผู้ใหญ่มองว่า การไว้ทรงผมอะไรก็ได้ จะทำให้เรียนไม่ดีอะไรทำนองนั้น ซึ่งป่าวเลย มันอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า อย่างโพสที่ผู้ใช้เฟสบุ๊กท่านหนึ่งที่ ชื่อว่า Worawisut Pinyoyang ได้ให้ความคิดเห็นที่น่าสนใจว่า

“เห็นข่าวนี้ แล้วนึกถึงวีรกรรม สมัย ม.ปลาย กับ หมอแล็บแพนด้า ภาคภูมิ เดชหัสดิน

สมัย ม.ปลาย เราเฟี้ยวพอสมควร อาจไม่ถึงกับเกเร แต่ก็มีความกบฏอยู่นิดๆ

เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น

โรงเรียนห้ามไว้ผมยาว (ไว้ได้แค่รองทรงสูง) แต่พวกเรา คือ ไว้ยาวตลอดเวลา โดนฝ่ายปกครองเรียกมา กร้อนผม ทุกครั้ง (หัวก็จะแหว่งๆหน่อย)

แต่เราหาได้แคร์ไม่ ก็ยังไว้ผมยาวแบบนี้ไปตลอด

เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น

ด้วยความที่ตัวเองมีอำนาจในมือ 555 (เป็นหัวหน้าห้องกับผู้ช่วยอาจารย์ฝ่ายปกครอง) + มีเส้นสายเบาๆ (เพื่อนอีกคนเป็นสารวัตรนักเรียน) บางวันจะรู้ตัวก่อนว่ามีตรวจแถว เราก็หนีแถวเลยครับ ไปซ่อนตัวซักที่ในโรงเรียน เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเพื่อนๆมากกกกก ไอ้สองคนนี้

ฟังดูเกเร แต่จริงๆแล้ว เราเรียบร้อย เป็นเด็กเรียนใช้ได้อยู่

มาเสียเกียรติประวัติ ก็ตอน มัธยมปลาย คือ เกลียดวิชาเคมีและชีวะ

ชีวะ อาจารย์ให้ทำการบ้าน แต่ไม่เคยทำ ไม่เคยจด คือ ตั้งใจมาตั้งแต่เข้า ม. 1 แล้ว ว่าจะเรียนวิศวะ วิชาไหน ที่ไม่เกี่ยวข้อง ทิ้งหมด (โคตรมีโฟกัส)

พูดจริงทำจริง ทิ้งจริง อาจารย์ก็เอาจริง ผลคือ ได้เกรด “0” ครั้งแรกในชีวิต

เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น

วิชาเคมี หนักยิ่งกว่า เพราะเวลาเรียน ก็นั่งคุยเล่นกับไอ้หมอแล็บเนี่ย จนโดนอาจารย์ไล่ออกจากห้องเรียน ไปนั่งเรียนตรงระเบียงนอกห้อง

ได้ใช้ชีวิตนอกห้องเรียนครั้งแรกทั้งเทอม

แถมโดนทำโทษให้ลุกนั่งอีก เพราะโดนไล่ออกจากห้อง ก็ยังคุยกันอยู่ดี สำนึกไม่มีเล้ย 55

อาจารย์ให้ทุกคนคัดตารางธาตุ 100 รอบ ใส่สมุดส่งปลายเทอม นักเรียนทุกคนทำส่ง แต่เราดื้อไม่ทำ 555

เพราะเราคิดว่า คัด 100 รอบ ก็ไม่ได้ทำให้เก่งขึ้นหรอก จะทำไปทำไม

ผลออกมา ได้ติด “ร” ครั้งแรกในชีวิต ต้องไปแก้ จนเปลี่ยนจาก ร. มาเป็นเกรด 1 (พอไม่ได้เรียนก็ไม่มีความรู้ ทำข้อสอบไม่ได้)

เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น

ยังดีที่วิชาศิลปะ ซึ่งเป็นปัญหาของตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร ได้อีหมอแล็บนี่แหละ ช่วยไว้ เพราะนางเป็นนักวาดรูปตัวแทนโรงเรียน ที่แข่งระดับประเทศ ได้รางวัลมากมาย

แต่ก่อนมันเอ้ย เค้าวาดรูปเก่งมากๆ จนคิดว่าน่าจะเป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ เหมือน อาจารย์เฉลิมชัย อาจารย์ถวัลย์ คือ มีพรสวรรค์ด้านนี้เลย

แต่เกมพลิก ดันมาเรียนเทคนิคการแพทย์

ผมก็ให้มันช่วยวาดรูป ทำนู่นทำนี่ส่งให้ จนวิชานี้ได้เกรดในระดับโอเค

แล้วเราก็หนีเรียนไปด้วยกันประจำ

คือ หนีแบบจริงจัง รู้ว่าวิชาไหน อาจารย์ไม่เช็คชื่อ ก็หนีเลย เดินออกจากโรงเรียนในช่องทางที่สารวัตรนักเรียนไม่ได้เฝ้า แล้วยังหาสมาชิกหนีเรียนด้วยกันอีกหลายคน

พอเกรดเฉลี่ยออกมา 3.4 ก็แอบเฟลหน่อยนึง

แต่ก็ดีใจ ที่ได้เป็นตัวของตัวเอง ได้ทำสิ่งที่อยากทำ และคิดว่าถูกต้องสำหรับตัวเองในตอนนั้น

แลกกับการโดนครูด่า และเพื่อนมองด้วยสายตาแปลกๆ 55

การทิ้ง 2 วิชานี้ ตอน ม.4 ทำให้มีเวลาอ่านเลข ฟิสิกส์ ซึ่งเป็นหัวใจของการเอนท์เข้าวิศวะในตอนนั้น

ตอนนั้นสอบเทียบได้แล้ว + คิดว่าเรียนไปก็เท่านั้น วิชาหลักอ่านเองจนถึง ม.6 แล้ว เลยลาออกเลย

วัดใจมาก ถ้าเอนท์ไม่ติด ก็โคตรเสียหน้า เพราะทำเก๋าลาออกมา และอาจมีโดนเยาะเย้ย ตราหน้าว่าเอนท์ไม่ติดอีก

โชคดีที่เอนท์ติด

ย้อนกลับไปคิด ต้องขอบคุณหมอแล็บ (หรือไอ้แม็ค) ที่เป็นเพื่อนโดดเรียน ช่วยวาดรูปส่งงานวิชาศิลปะ และสอนตีสนุ๊ก

เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น

(มีไอดอลคนเดียวกัน คือ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย)

เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น

การที่ไม่ได้เข้าเรียน ก็ได้สร้างจุดแข็งของตัวเองติดตัวมา 1 อย่าง คือ ความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตัวเอง และชอบอ่านหนังสือ

ต่อให้ชีวิตไม่ค่อยดี แต่มีเป้าหมายแน่วแน่ ก็ success ได้ ถ้าเราไม่หลงทางกับเป้าหมาย มีโฟกัสกับมัน

(อย่างน้อย เราทั้งคู่ ก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้วะ)

เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น

จุดเริ่มต้นทุกอย่าง มาจากความกระแดะ อยากไว้ผมยาว เพราะคิดว่าการไว้ผมยาว ไม่เกี่ยวกับการเรียนดีไม่ดี

จากนั้นมาเลยคิดแบบกบฏ ทำอะไรสวนทาง ฝ่าฝืนกฏ

แต่ขอร้องว่าอย่าเรียกพวกเราว่า “แกะดำ” นะฮะ

ว่าจะเขียนสั้นๆ ดันเขียนซะยาว
ขอบคุณภาพประกอบจากเดอะแมทเทอร์ คร้าบ”

ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก Worawisut Pinyoyang
เรียบเรียงโดย ลุงหมาน