12 สัญญาณเตือนที่แสดงให้เห็นว่าคนที่ทำงานหนัก และประหยัดไม่สามารถทำให้ร่ำรวยได้

ในปัจจุบันที่เจอผู้คนส่วนใหญ่มักจะประโคมตัวเองด้วยสิ่งของที่ทำให้ดูรวย แต่ภายในเป็นอย่างไรไม่อาจมีใครรับรู้ได้ และสุดท้ายคนที่พยายามทำตัวรวยก็มักจะต้องเจอกับความพ่ายแพ้ต่อตัวเอง จากมุมมองที่เราได้เห็นคนดูรวยเป็นได้ไม่ยากในทุกวันนี้ แต่ก็ยากที่จะเป็นคนรวยได้อย่างแท้จริง

หากเราจะดูแค่การแต่งตัวและออฟชั่นเสริมที่พวกเขาใช้ก็คงคาดเดาได้ยากมากว่าคนร่ำรวยแตกต่างจากคนดูรวยอย่างไร นอกจากจะเห็นเงินในบัญชีของเขาซึ่งไม่มีคนรวยที่ไหนเปิดเผย และนี่คือ 12 สัญญาณที่คุณสามารถนำไปใช้พิจารณาได้หลากหลายประการ

1. พวกเขาไม่สามารถซื้อสิ่งที่เพิ่งจ่ายไปรอบสองได้

อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่และทุกเวลาแบบที่คุณไม่อาจคาดคิดมาก่อนได้ ตัวอย่างเช่น มือถือหนึ่งเครื่องราคาเท่ากับเงินเดือนของคุณเกิดพังกะทันหัน แต่คุณไม่สามารถซื้อมันได้ทันทีในวันถัดไป เพราะเงินในกระเป๋าไม่เพียงพอที่จะจับจ่ายของสิ่งอื่น หากตัดสินใจซื้อมือถือใหม่ และดำรงชีวิตต่อไปอย่างไรในเดือนนี้ถ้าเงินเดือนหมด

2. พวกเขาเคยศึกษาเกี่ยวกับการสร้างเงินเก็บสำรองแต่ไม่เคยมีเงินเก็บเลย

ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนที่มีเงินพอที่จะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้น (โควิด-19) มีเงินใช้จ่าย 2-3 เดือนแบบที่ไม่เดือดร้อน คุณก็เป็นหนึ่งคนที่วางแผนการเก็บเงินเป็นอย่างดี และหากคุณเป็นคนที่ต้องเจอกับสถานการณ์ควบคุมการใช้เงินของตัวเองไม่ได้ ใช้เงินเก่งเกินตัวเราแนะนำให้ลองใช้วิธีของ Warren Buffett เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินของคุณได้ อย่างที่เขาได้กล่าวไว้ว่า “อย่าจดบันทึกในสิ่งที่เหลือจากการใช้จ่าย แต่จงใช้จ่ายในสิ่งที่เหลือจากการจดบันทึก”

3. พวกเขาเป็นคนที่ใช้จ่ายด้วยเครดิต

คนมีหนี้คือคนมีเครดิต !! หลายคนเลือกที่จะสร้างเครดิตให้กับตัวเอง และใช้ไปกับการผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าให้กับตัวเองในวันหยุด ช็อปแก้เครียดและสุดท้ายก็มานั่งกุ้มใจทีหลังตอนจ่ายอยู่ดี การเป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดี ถ้าให้เลือกใช้บัตรรูดยอมเอาเงินที่มีซื้อเลยดีกว่าอย่างน้อยก็ไม่ได้เป็นหนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรดีเท่ากับการประหยัดรู้จักเก็บอดออมแล้ว ดังเช่นคำที่โทมัสเจฟเฟอร์สันได้กล่าวไว้ว่า “โอกาสที่จะเป็นหนี้เยอะมากแม้ไม่มีบัตรเครดิต อย่าไปเลือกใช้เงินในอนาคต หากเงินนั้นยังไม่ได้เป็นของเรา”

4. พวกเขามักจะทิ้งอาหารส่วนเกินลงในถังขยะ

แม้แต่เรื่องอาหารก็เป็นสิ่งสำคัญที่คุณต้องวางแผนจัดการกับระเบียบการซื้อให้ดี ไม่เช่นนั้นอาหารบางอย่างอาจจะถูกทิ้งไปโดยไร้ค่า เหมือนกับคุณกำลังเทเงินในกระเป๋าทิ้งไป

5. ไม่กล้าลงทุนกลัวความเสี่ยง

จะมีเศรษฐีสักกี่คนที่ร่ำรวยจากการลงทุนในบัญชีออมทรัพย์ การลงทุนย่อมมีความเสี่ยงเสมอ และสำหรับคนที่เขาร่ำรวยมีเงินมากมายจะใช้เงินเพื่อต่อเป็นเงิน ซึ่งต่างจากคนที่ไม่ค่อยมีเงินจะไม่เข้าใจกับการลงทุนแบบนี้สักเท่าไหร่ และมักจะเสี่ยงโชคกับลอตเตอรี่ที่มีผลกำไรตอบแทนได้ไม่คุ้มค่าสักเท่าไหร่ หรือบางครั้งก็ขาดทุนไปเลยก็มี และคนอีกประเภทหนึ่งคือจะหลีกเลี่ยงจากการเสี่ยงโชคทุกอย่างใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแม้จะไม่ได้ร่ำรวยก็ตาม

6. พวกเขาไม่ได้รับการรู้สิ่งใหม่ ๆ 

การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ก็มักจะมาพร้อมกับรายจ่าย สำหรับคนที่พร้อมจ่ายและพร้อมเรียนรู้เข้าก็จะมีความรู้ก้าวทันโลก และสามารถนำมาปรับใช้กับตัวเอง แต่สำหรับบางคนที่ไม่ยอมจ่ายแลกกับการก้าวให้ทันโลก หรือแม้แต่เรียนรู้เพื่อพัฒนาอาชีพของตัวเองก็อาจจะเป็นหนึ่งคนที่ตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในทุก ๆ วันได้

7. พวกเขาเลือกสิ่งที่ทำให้ผ่อนคลายผิด

นักเขียนที่ชื่อว่า Zig Ziglar เธอได้กล่าวว่าเศรษฐีมักจะมีทีวีขนาดเล็ก และมีห้องสมุดขนาดใหญ่ ต่างจากคนจนพวกเขาจะมีทีวีขนาดใหญ่และมีห้องสมุดขนาดเล็ก เพื่อใช้ในการพักผ่อนหย่อนใจดูหนัง เล่นเกมส์ตามประสาในวันว่างให้ความเพลิดเพลินและสนุกสนานกับตัวเอง กิจกรรมเหล่านี้เป็นสิ่งที่คนจนมักใช้ในเวลาว่างซึ่งต่างจากคนรวยที่มักจะใช้เวลาว่างในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากการอ่าน

8. พวกเขาเลือกใช้เวลาว่างในการทำงานบ้าน

การทำความสะอาดบ้านไม่ใช่สิ่งที่ไม่จำเป็น และไม่ควรมองข้ามแต่การทุ่มเทเวลาที่มีให้กับการทำงานบ้าน สิ่งที่เสียไปมันอาจจะมากกว่าการจ้างมืออาชีพมาทำแทน การที่มีคนดำเนินการแทนคุณในหน้าที่ตรงนี้เพื่อหามุมมอง และปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตของคุณจะเป็นเรื่องที่ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งคนที่เวลาเป็นเงินเป็นทองจะไม่ใช้เวลาว่างของพวกเขาที่เหลืออยู่มาทำงานในส่วนนี้

9. พวกเขาไม่พยายามหารายได้เสริม

งานในปัจจุบันค่อนข้างหายากชนิดที่เรียกได้ว่า “ไม่เลือกงาน ไม่ยากจน” แต่ถ้าหากคุณเป็นหนึ่งคนที่มีรายได้เพียงทางเดียวอาจจะไม่เพียงพอ หรือแม้แต่จะทำให้ร่ำรวยขึ้นมาได้ เพราะขนาดเงินเดือนของพนักงานบริษัทยังมีอัตราการจ่ายที่ไม่เท่ากันเลย ดังนั้นหากคุณเป็นหนึ่งคนที่ทำงานเต็มที่และมีความสามารถในการทำสิ่งอื่น ๆ ประกอบด้วยก็เลือกที่จะค้นคว้าหาโอกาสนั้นเพื่อให้ตัวเองได้เป็นคนที่ประสบความสำเร็จ

10. พวกเขาไม่มีการควบคุมการใช้เงินของตัวเอง

Jaime Tardy เชื่อว่าการที่คุณสามารถวางแผนรายรับ และรายจ่ายของคุณได้เป็นเรื่องที่ดีสิ่งนี้จะทำให้คุณเป็นคนที่เตรียมพร้อมในทุก ๆ สถานการณ์ หากคุณเป็นคนที่ช็อปปิ้งจนลืมว่าเงินในกระเป๋ามีเท่าไหร่สิ่งนี้อาจทำลายการเป็นเศรษฐีในอนาคตของคุณได้ คุณต้องคุมเงิน อย่าให้เงินคุมคุณ

11. พวกเขาเลือกที่จะแบ่งปันแผนการที่วางเอาไว้กับทุกคน

การที่คุณเลือกที่จะปรึกษาปัญหาการเงิน หรือวางแผนการความรวยกับคนที่พร้อมจะสนับสนุนช่วยเหลือคุณถือเป็นเรื่องดี แต่น้อยมากที่จะมีแบบนี้และในโลกความเป็นจริงแม้ว่าคุณจะล้มเหลวก็จะมีคนที่คอยเตือนสติอธิบายในสิ่งที่คุณทำผิดพลาดไป หากคุณเลือกที่จะเปิดใจรับฟังในข้อนี้อาจจะได้พบกับหนทางสว่างได้

12. พวกเขารับรู้ข้อจำกัด

คนที่ไม่ร่ำรวยคือคนที่ไม่รู้ขอบเขต ใช้เงินไปอย่างฟุ่มเฟือยกับสิ่งที่ไม่จำเป็น และไม่มีการศึกษาข้อมูลรายละเอียดให้รอบคอบก่อนจ่ายเงิน ซึ่งแตกต่างจากคนมีเงินเขาจะรอบคอบในการจ่ายเงินมาก แม้คนที่รอบตัวอาจจะมองว่าเขาใช้จ่ายฟุ่มเฟือยหรือเปล่า ซื้อของแพง แต่การใช้จ่ายต้องผ่านการคิดแล้วว่าคุ้มค่าหรือไม่ และสิ่งได้มาเอามาทำอะไร จ่ายเงินไปแล้วลำบากตัวเองหรือเปล่า การคิดทบทวนให้ดีก่อนที่จ่ายเงินสามารถใช้กับเรื่องเล็ก ๆ

ที่มา : brightside