17 นิสัยแย่ ๆ ที่ทำลาย “ความสวย” ควรเลิกก่อนจะแก่โทรมแบบไม่ทันตั้งตัว

7 ใน 10 คนอเมริกัน มักจะมีนิสัยหรือพฤติกรรมแย่ๆ ที่ทำแล้วส่งผลเสียต่อความสวย ความงาม และส่งผลเสียต่อสุขภาพของตนเอง ซึ่งอาจจะเป็นพฤติกรรมประจำวันที่ทำไปโดยไม่รู้ตัวว่ามีว่ามันมีผลเสียอย่างไรบ้าง อย่างเช่น ใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้า ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติที่ใครๆ ก็ใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้ากันทั้งนั้น แต่จริงๆ แล้วผ้าขนหนูนั้นเป็นแหล่งสะสมเเบคทีเรียและจุลินทรีย์ ซึ่งอาจทำให้เสี่ยงต่อการเป็นสิวได้

เราลองไปดูพฤติกรรมประจำวันที่เราอาจจะเผลอทำไปโดยไม่รู้ตัว ว่ามันจะเป็นที่มาของความโทรมและดูแก่เร็วขึ้นกัน มาดูกันว่าเรามีพฤติกรรมแบบไหนบ้าง ที่เป็นสิ่งไม่ควรทำเหล่านี้

1. ทาสีเล็บตลอดเวลา

การมีเล็บสวยเป็นเสน่ห์ของผู้หญิง แม้ว่าเล็บจะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ก็ตาม แต่การทาสีเล็บบางครั้งก็มาพร้อมปัญหาต่างๆ เช่น อาจจะทำให้เล็บเสีย เปราะหักง่าย ซึ่งปกติแล้วเราควรจะมีเวลาให้เล็บได้พักสารเครมีบ้าง หากทาสีเล็บตลอดเวลาจะทำให้เล็บเหลืองซีดได้ ไม่ว่าเราจะดูแลดีแค่ไหนก็ตาม แต่หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงจะดีกว่า

2. ใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าให้แห้ง

เป็นเรื่องปกติที่เราจะใช้ผ้าเช็ดตัวทำการเช็ดบนใบหน้าของเรา แต่มันสามารถทำลายความงามของเราได้ เพราะผ้าเช็ดตัวเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ที่ดีสำหรับแบคทีเรียและจุลินทรีย์ ทุกครั้งที่เราใช้ผ้าขนหนูมากกว่าหนึ่งครั้งคุณจะเสี่ยงต่อการเกิดสิวได้

แนะนำให้ใช้ทิชชู่เฉพาะเช็ดหน้าหรือแค่ซับให้แห้ง และผู้หญิงเกาหลีใแนะนำเคล็ดลับความงาม เพียงแค่ทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าบนผิวที่เปียกชื้น เพิ่มความชุ่มชื้นให้ใบหน้าของคุณชุ่มชื้นยิ่งขึ้น

3. การใส่เสื้อชั้นในนอน

การสวมใส่เสื้อชั้นใน เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้หญิงทุกคน เพราะจะช่วยประคองเต้านมให้ได้รูป ไม่หย่อนยาน แต่อย่างไรก็ตามการสวมใส่เสื้อชั้นในนอนก็เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะการใส่เสื้อชั้นในนอนนั้นมันจะทำให้เรารู้สึกกระสับกระส่าย ไม่สบายตัวและนอนไม่หลับหรือหลับๆ ตื่นๆ ตลอดคืนก็เป็นได้

หากจำเป็นต้องใส่เสื้อชั้นในนอนจริงๆ แนะนำให้งสำคัญคือการสวมใส่เสื้อในที่มีขนาดพอดีกับคุณและไม่แน่นหรือใหญ่เกินไป และเลือกเนื้อผ้าชนิดที่สามารถระบายอากาศได้ดีอย่างผ้าฝ้าย เป็นต้น ไม่แนะนำให้ใส่เสื้อชั้นในแบบมีโครง เพราะอาจก่อให้เกิดรอยขีดข่วนหรือรอยแดงได้ หรือรบกวนเวลานอนของเราได้

4. การใช้แปรงแต่งหน้าที่สกปรก

เชื่อว่ามีสาวๆ ที่แต่งหน้าเป็นประจำ แต่ไม่ยอมล้างแปรงแต่งหน้าอยู่เยอะมาก เพราะหลายคนอาจจะคิดว่า แปรงแต่งหน้า ไม่ได้ใช้ร่วมกับใครคงไม่สกปรก หรือโดนแต่เครื่องสำอางคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง คิดผิดถนัด เพราะแปรงและอุปกรณ์แต่งหน้าเมื่อใช้ไปนานๆจะเป็นแหล่งสะสมสิ่งสกปรกและแบคทีเรีย เมื่อต้องสัมผัสกับผิวหน้าของเราทุกวัน อาจจะก่อให้เกิดสิว สิวอุดตัน และผดผื่นบนใบหน้าได้ง่ายมากยิ่งขึ้น หรือในกรณีที่ร้ายแรงที่สุด อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้

5. กินเกลือมากกว่าหนึ่งช้อนชาทุกวัน

เราอาจจะเคยชินกับการกินอาหารรสเค็ม และใครที่กินเค็มมาก ๆ จะเป็นผลเสียต่อร่างกายทำให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ ซึ่งในหนึ่งวันเราควรรับประทานเกลือไม่เกินปริมาณ 6 กรัมต่อวัน หรือ 1 ช้อนช้า จึงจะถือว่ามีความพอเหมาะ หากร่างกายได้รับปริมาณเกลือเข้าสู่ร่างกายมากเกินไปจนเกินกำลังที่ไตจะขับออกมาจากร่างกายได้ ทำให้ไตทำงานหนักมากขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงได้ รวมถึงหัวใจจะมีการทำงานหนักและนำไปสู่อาการหัวใจวายในที่สุด

6. ถอนขนคิ้วออกมากเกินไป

การจัดการให้คิ้วดูสะอาดไม่รกรุงรังเป็นสิ่งที่ดี การถอนขนคิ้วทุกๆ สามสัปดาห์เป็นการทิ้งช่วงที่ดีที่สุด คิ้วจะได้มีเวลาขึ้นมาทดแทนที่เราถอนออกไป แต่ถ้าเราถอนขนคิ้วออกมากเกินความจำเป็น คิ้วที่ควรจะเป็นกรอบของใบหน้าก็จะดูบางโล้นไปทันที ยิ่งถ้าถอดขนคิ้วบ่อยๆ เป็นเวลาหลายปี อาจจะทำให้บริเวณนั้นเบาบางหรือไม่มีขนขึ้นมาอีกเลยก็ได้

และจริงๆ แล้วการมีคิ้วที่เต็มและหนา จะทำให้หน้าเราดูเด็กลงด้วย

7. เก็บใบมีดโกนไว้ในห้องน้ำ

บางบ้านมักใช้ ห้องน้ำเป็นห้องเก็บของต่างๆ โดยไม่รู้ว่าห้องน้ำไม่ใช่ที่ๆ สามารถเก็บของทุกสิ่งทุกอย่างไว้ได้ทั้งหมด อย่างเช่น ใบมีดโกนที่เรามักจะทิ้งไว้ในห้องน้ำ ซึ่งมันจะทำให้ความชื้นไปเกาะที่ใบมีดได้ หากน้ำมาใช้ครั้งต่อไปอาจจะทำให้เกิดความระคายเคืองได้ เราแนะนำให้คุณเก็บใบมีดโกนไว้ในพื้นที่แห้ง โดยใส่ห่อและแพคอย่างมิดชิดไม่ให้ได้รับความชื้น

8. การนั่งไขว่ห้าง

หนุ่มสาวหลายคนที่ติดการนั่งไขว่ห้าง เพราะอาจจะทำให้คุณรู้สึกว่าสบาย แต่ในความสบายก็ยังมีโทษแอบแฝงอยู่ด้วย ซึ่งการนั่งไขว่ห้างจะทำให้เส้นเลือดและเส้นประสาทเส้นใหญ่บริเวณต้นขาถูกกดทับ นั่งนานๆ จะทำให้มีอาการชาและปวดเมื่อยขา และมันยังส่งผลเสียให้กับร่างกายของคุณได้มากมาย อย่างเช่น ความดันโลหิตเพิ่มขึ้่น หรือหนักสุดคุณอาจเสี่ยงเป็นอัมพาตได้โดยที่ไม่รู้ตัว

9. ใช้โรออนหลังโกนขนรักแร้

หลังโกนขนรักแร้ใหม่ๆ เราจะรู้สึกเจ็บและระคายเคืองผิวหนัง แนะนำควรจะงดการทาผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย (โรลออน) , ลุกกลิ้ง หรือสารระงับกลิ่นทุกชนิด เพื่อลดการระคายเคืองของผิวหนังและเป็นผื่นได้

10. การมัดผมขณะนอนหลับ

ระหว่างนอนไม่ควรมัดผม ควรปล่อยให้ผมสยายเวลานอน เพราะการมัดผมเวลานอน เส้นผมอาจเสียดสีกับหมอนหรือโดนกดทับโดยไม่รู้ตัว เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความเครียดบนหนังศีรษะและผมขาดร่วงได้ง่าย

11. การอาบน้ำร้อนในอุณหภูมิที่สูงมากจนเกินไป

การอาบน้ำร้อน อาจจะช่วยกระตุ้นร่างกายให้เกิดความผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี แต่การอาบน้ำในอุณหภูมิที่สูงมากจนเกินไป จะทำให้ผิวแห้งเสีย ขาดความชุ่มชื้น นำไปสู่อาการผิวแตกลอก รูขุมขนกว้าง ดังนั้นในช่วงที่อาบน้ำใกล้จะเสร็จ ควรอาบน้ำอุ่นสลับน้ำเย็น เพื่อปรับสภาพผิวหนังให้ชุ่มชื้นและตื่นตัวมากขึ้น

12. การดื่มน้ำอัดลมและกาแฟ

หลายๆ คนอาจจะคิดว่าเครื่องดื่มที่อร่อยและปราศจากน้ำตาลนั้นดี แต่ความจริงแล้วเครื่องดื่มประเภทนี้สามารถทำลายฟันของคุณได้ แม้ว่ามันจะปราศจากน้ำตาล และยังเป็นสาเหตุให้เกิดโรคหัวใจ เบาหวานและโรคไตเรื้อรังได้

หากคุณกำลังมองหาสุขภาพที่ดี ควรดื่มน้ำเปล่าแทน และควรหลีกเลี่ยงกาแฟ เพราะมันทำให้ฟันของเราเหลืองได้

13. การปั๊มหัวแปรงเข้ากับหลอดมาสคาร่า

หลายคนทำแบบนี้เพราะเชื่อว่าจะได้เนื้อมาสคาร่าเยอะขึ้น แต่นั่นกลับทำให้อากาศหรือลมเข้าไปในหลอดจนเนื้อมาสคาร่าแห้งเร็ว และมีเชื้อแบคทีเรียปนเปื้อนอยู่ ทำให้ดวงตาเกินอาการแพ้หรืออักเสบได้ ดังนั้นไม่ควรปั๊มแปรงมาสคาร่าเข้าออกจากแท่งก่อนปัด

14. การใช้แถบฟอกสีฟัน

ปัจจุบันมีหลายวิธีที่จะทำให้ฟันขาวเร็วขึ้น จากสูตรการทำเบกกิ้งโซดาไปจนถึงการฟอกสีฟัน แต่วิธีเหล่านี้ก็อาจจะมีผลกระทบทำให้ฟันของเราเสียหายได้ หากเราทำด้วยตนเองที่บ้าน

เพราะแถบฟอกสีฟันมีแนวโน้มที่จะทำให้ชั้นเคลือบฟันของฟันเราอ่อนแอและบอบบางลง หากต้องการฟอกสีฟันแนะนำให้พบทันตแพทย์มืออาชีพ เพื่อประเมินสภาพฟันและสีฟันก่อนจะปลอดภัยกว่า

15. หวีผมขณะผมเปียก

สาวๆ หลายคน หลังจากสระผมเสร็จแล้วมักจะชอบหวีผมหรือแปรงผม ตอนผมเปียกในระหว่างรอให้ผมแห้ง โดยหารู้ไม่ว่านั้นคือการทำร้ายผมอย่างดีเลยทีเดียว เพราะเวลาที่ผมเปียกนั้นเป็นช่วงที่เส้นผมจะอ่อนแอ เปราะบาง และขาดได้ง่าย ดังนั้นไม่ควรไปทำอะไรกับเส้นผมช่วงนั้นมาก อาจจะใช้นิ้วมือช่วยสางผมจากโคนผมถึงปลายผม และเมื่อเวลาที่ผมเกือบแห้งแล้ว จึงค่อยใช้หวีหรือแปรงผมจะดีกว่า

16. ไม่เปลี่ยนผ้าปูที่นอน

หากคุณกำลังทุกข์ทรมานจากปัญหาผิวหนังที่ยังหาสาเหตุไม่ได้นั้น คำตอบมันอาจใกล้กว่าที่คุณคิด เพราะปัญหามันอาจจะมาจากการไม่เปลี่ยนผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนก็ได้

การเปลี่ยนปลอกหมอนของคุณทุก 2 หรือ 3 วัน จะช่วยให้มั่นใจได้ว่ามันจะไม่มีเหงื่อ น้ำมันจากผิว แบคทีเรีย และเชื้อโรคอื่นๆ ส่งผ่านไปยังผิวของคุณทุกคืน

ดังนั้นจึงควรเปลี่ยนผ้าปูที่นอน และปลอกหมอนเป็นประจำ ไม่ควรละเลยเรื่องความสะอาดของมัน เพราะแม้ภายนอกยังดูสะอาดอยู่ แต่ความจริงแล้ว กลับเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคได้อย่างคาดไม่ถึง และสำหรับผู้ที่ปัญหาสิว แนะนำให้เปลี่ยนปลอกหมอนของคุณทุกวัน

17. ใช้ไดร์เป่าผมมากเกินไป

สาวๆ ส่วนใหญ่ มักใช้ไดร์เป่าผมเป็นประจำทุกวัน แต่การใช้ความร้อนในระยะยาวเป็นประจำทุกวันบนเส้นผมของเรานั้น อาจจะทำให้เส้นผมแตกปลาย และผมเสียแห้งได้ง่าย

หากจำเป็นต้องใช้แนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนที่เหมาะสม และอย่าใช้ความร้อนมากๆ ลองเปลี่ยนมาใช้ลมเย็นเป่าผมดีกว่า ในบางวันที่ไม่ได้รีบร้อนไปไหน ควรปล่อยให้ผมแห้งเองโดยธรรมชาติบ้าง

Bonus : การมองโทรศัพท์ของคุณ

เราต้องยอมรับว่า ความเป็นความจริงในชีวิตประจำวันของเรานั้น มักจะใช้เวลาในการดูโทรศัพท์เป็นเวลานาน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจะถือโทรศัพท์หรือการมองโทรศัพท์ของคุณของคุณ มองอย่างไร!

คุณอาจเป็นหนึ่งในคนที่ถือโทรศัพท์ของคุณใกล้หน้าอก สิ่งนี้อาจจะเพิ่มแรงกดดันต่อคอของคุณ และนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ

และให้ระวังตำแหน่งของหัวของคุณ เพราะความเจ็บปวดจะไม่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของคุณเท่านั้น แต่จะทำให้คุณนอนไม่หลับและมีใบหน้าที่เหนื่อยล้าได้

แล้วคุณล่ะ มีพฤติกรรมหรือนิสัยแย่ ๆ เรื่องไหนอยู่บ้าง ถ้ารู้อย่างนี้แล้ว ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงหรือเลิกพฤติกรรมแบบนี้จะได้กว่า เราจะไม่มีผิวพรรณ สุขภาพที่ดี ร่างกายแข็งแรงไม่โทรมก่อนวัยอันควร

ที่มา : brightside